กองหน้าของทีมดาบคู่กลายเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกรายล่าสุดที่โดนเหยียดผิวผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยทางค้นสังกัดพร้อมเต็มที่ในการนำตัวบุคคลที่ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้
เดวิด แมคโกลดริกค์ หัวหอกของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กลายเป็นผู้เล่นพรีเมียร์ ลีก รายล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อการคุมคามเหยียดผิว เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พร้อมช่วยเหลือ แมคโกลดริกค์ อย่างเต็มที่ และสัญญาว่าจะหาตัวผู้กระทำผิดดังกล่าวมาลงโทษให้ได้
เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับรายงานออกมาเพียงสองวัน หลังจากตำรวจเวสต์ มิดแลนดส์ จับกุมตัวเด็กชายวัย 12 ปี ผู้ซึ่งกระทำผิดด้วยการส่งข้อความเชิงเหยียดผิวไปยัง วิลฟริด ซาฮา ปีกของทีมปราสาทเรือนแก้ว คริสตัล พาเลซ
แมคโกลดริกค์ กองหน้าทีมดาบคู่ที่เพิ่งยิง 2 ประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ถ่ายภาพหน้าจอข้อความเหยืยดผิวที่เขาได้รับทางอินสตาแกรมเอาไว้ พร้อมเขียนข้อความประกอบว่า “ปี 2020 แล้ว นี่แหละคือชีวิต” ก่อนโพสต์ลงอินสตาแกรมสตอรี่ ซึ่งสกรีนช็อตข้อความที่เขาได้รับนั้นเต็มไปด้วยคำด่าทอ โดยคาดว่าแฟนบอลจอมเกรียนรายนี้หัวร้อนจากผลการแข่งขันที่ทีมดาบคู่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เอาชนะสิงห์บลู เชลซี 3-0 นั้นเอง
กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ในฐานะสโมสร พวกเราจะให้กำลังใจสนับสนุน เดวิด แมคโกลดริกค์ อย่างเต็มที่ และเราจะทำทุกอย่างที่เราทำได้ในการหาตัวผู้กระทำผิดที่ส่งข้อความอันน่ารังเกียจนี้”
“พวกเราจะทำงานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาตัวผู้ที่อยู่เบิ้องหลังจากโพสต์ดังกล่าวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก บางสิ่งจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง”
ก่อนหน้านี้ถือเป็นสัปดาห์ที่ประสบความสำเร็จสำหรับดาวเตะรายนี้ โดยเจ้าตัวเพิ่งยิงสองประตูเป็นครั้งแรกในสีเสื้อเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในเกมที่ทีมเอาชนะเชลซี 3-0 ซึ่งเป็นการเก็บชัยชนะสามจากสี่นัดหลังสุด
คริส ไวลด์เดอร์ กุนซือของทีมให้สัมภาษณ์หลังเกมดังกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องยอดเยี่ยมมากๆ ที่เขาพาทีมเก็บชัยชนะได้ ผมอยากให้มีแฟนๆ 30,000 คนในสนามแห่งนี้ เพราะพวกเขาจะทำให้ค่ำคืนนี้มีความสุข แฟนบอลรู้ดีในสิ่งที่เขานำมาสู่สโมสร และผมก็รู้ดีถึงสิ่งที่เขานำมาสู่ทีมของเรา”
ทางด้าน แมคโกลดริกค์ ยิงประตูไม่ได้เลยนับตั้งแต่พา เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก จนจะจบฤดูกาลนี้ แต่นัดกับสิงห์เขาก็ปลดล็อกทำประตูได้
หัวหอกทีมชาติไอร์แลนด์ กล่าวว่า “หลังจากล็อกดาวน์ 2 เกมแรก ทีมของเราไม่ได้อยู่ในฟอร์มปกติ แต่นับจากเกมที่พบกับ อาร์เซน่อล ในรายการ เอฟเอ คัพ ทีมเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งแล้ว ตลอดการลงแข่ง 35 นัด และตาราง พรีเมียร์ลีก ไม่เคยโกหก นั่นคือทีมของพวกเราทำได้ดีที่สุดในวันนี้”